Tuesday, June 26, 2018

Google Earth เปิดตัว Measure Tool บน Chrome และแอนดรอยด์สำหรับวัดระยะทางและพื้นที่

     Google ประกาศเพิ่มเครื่องมือใหม่ Measure Tool บน Google Earth สำหรับวัดระยะทางระหว่างจุดสองจุด พื้นที่และเส้นรอบวงของสถานที่กำหนด ไปจนถึงพื้นที่บนเส้นสมมติที่ถูกกำหนดขึ้นมาลอยๆ ก็ได้เช่นกัน โดยเครื่องมือนี้ถูกปล่อยแล้วบน Chrome และแอนดรอยด์ ส่วน iOS จะตามมาในไม่ช้า





ที่มา: Blognone | Google Blog

วิเคราะห์ข่าว: การเปิดตัวเครื่องมือนี้ ทำให้การวัดระยะทางเป็นไปได้อย่างง่ายดายมากขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถหาเส้นรอบวง พื้นที่ ได้อีกด้วย

Tuesday, June 19, 2018

ซัมซุงเปิดศูนย์ AI ในอังกฤษ แคนาดา และรัสเซีย

     ซัมซุงประกาศเปิด Samsung Research หรือศูนย์พัฒนาปัญญาประดิษฐ์เพิ่มที่ประเทศอังกฤษ แคนาดา และรัสเซีย เท่ากับว่าตอนนี้มีศูนย์ AI 5 แห่งทั่วโลกแล้ว (มีอยู่แล้วที่เกาหลีใต้และสหรัฐฯ) นอกจากนี้ซัมซุงยังวางแผนเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญ AI ให้ถึง 1,000 คนทั่วโลกภายในปี 2020
     ศูนย์วิจัยในแต่ละประเทศจะวิจัยเทคโนโลยีต่างกัน คือ ศูนย์ในอังกฤษจะเน้นการทำงานในการวิเคราะห์ข้อมูล, ศูนย์ในแคนาดาเน้น voice recognition และศูนย์ในรัสเซียเน้นเทคโนโลยีฟิสิกส์
     ผู้นำ Samsung Research ในเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ คือ มร. Andrew Blake ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการเคมบริดจ์ของไมโครซอฟท์ ด้านศูนย์ที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดานั้นนำโดย ดร. Larry Heck รองประธานอาวุโส Samsung Research America เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีผู้ช่วยส่วนตัวเสมือนจริง
     ส่วนศูนย์ที่กรุงมอสโคว ประเทศรัสเซีย จะมีผู้เชี่ยวชาญ เช่น ศาสตราจารย์ Dmitry Vetrov (สถาบันบัณฑิตศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ) และศาสตราจารย์ Victor Lempitsky (สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสโคลโกโว)
     ซัมซุงไม่ได้เปิดเผยตัวเลขนักวิจัย, วิศวกรในขณะนี้ว่ามีเท่าไร แต่ตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนเป็น 1,000 ภายในปี 2020 แบ่งเป็นทำงานในเกาหลีใต้ 600 คน และทำงานในต่างประเทศ 400 คน


ที่มา: Samsung และ Blognone

วิเคราะห์ข่าว: การที่ซัมซุงเปิดสถานที่วิจัย AI หลายแห่งเพิ่มขึ้น ทำให้การวิจัย AI แพร่หลายไปต่างประเทศเป็นการรวมนักวิจัยที่เก่งที่อยู่ตามที่ต่างๆ เพื่อพัฒนา AI ให้ฉลาดมากขึ้น

Tuesday, June 12, 2018

Google Assistant เริ่มเหมือนมนุษย์ เตรียมพัฒนาเป็นเลขาเต็มตัว

     กูเกิลประกาศฟีเจอร์ใหม่ของ Google Assistant ที่งาน Google I/O 2018 และจะค่อยๆ เปิดให้ใช้ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า สิ่งที่กูเกิลประกาศมี
  • พูดคุยเหมือนมนุษย์: Assistant จะมีการการพูดคุยเหมือนกับการพูดคุยกับมนุษย์จริงๆ มากขึ้น โดยมีปัญญาประดิษฐ์เบื้องหลังคือ Google Duplex
  • เสียงใหม่: กูเกิลเตรียมเพิ่มเสียงใหม่เพิ่มเติม โดยชุดแรกมี 6 เสียงและจะเพิ่มเสียงของ John Legend ที่เป็นนักร้องเข้ามาอีกภายในปีนี้
  • พูดคุยต่อเนื่อง: แทนที่จะต้องปลุกกูเกิลมารับคำสั่งทุกรอบ ฟีเจอร์ "Continued Conversation" จะทำให้ Google Assistant ฟังอย่างต่อเนื่องและเข้าใจทันทีที่ผู้ใช้กลับมาพูดกับ Assistant โดยฟีเจอร์นี้ผู้ใช้ต้องสั่งเปิดเอง และจะเปิดใช้งานได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
  • สั่งหลายคำสั่งพร้อมกัน: คำสั่งสามารถเชื่อมโยงกันระหว่างวลีหลายชุด และประโยคคำสั่งเดียวสามารถใส่หลายคำสั่งได้พร้อมกัน เช่น ขอข้อมูลอากาศในหลายเมือง
  • พูดสุภาพ: ปัญหา Assistant ทำงานตามคำสั่งไม่ว่าผู้พูดจะหยาบคายเพียงใดอาจจะสร้างนิสัยพูดไม่สุภาพให้กับเด็กๆ ฟีเจอร์ "Pretty Please" ทำให้ผู้ใช้ต้องพูดกับ Assistant อย่างสุภาพทุกครั้ง และหากผู้ใช้พูดสุภาพด้วยก็จะชมเชยกลับมา
  • ชุดคำสั่ง: เปิดให้ผู้ใช้สร้างชุดคำสั่ง Routines ได้ด้วยตัวเอง ด้วยคำสั่งเดียว เช่น ปิดไฟ, เปิดสัญญาณกันขโมย, และตั้งนาฬิกาปลุก พร้อมๆ กันเมื่อสั่งเข้านอน
นอกจากการเพิ่มฟีเจอร์เหล่านี้แล้ว กูเกิลยังสาธิตการพัฒนา Assistant ให้สามารถทำงานเป็นเลขาได้อย่างสมบูรณ์ เช่น สามารถโทรศัพท์จองร้านอาหารให้ได้ด้วย



ที่มา: Blognone | Google Blog | วีดีโอ: Tech Insider

วิเคราะห์ข่าว: ฟีเจอร์ใหม่ของ Google Assistant ทำให้ Google Assistant เหมือนมนุษย์มากขึ้น ทั้งด้านการพูด ฉลาด

Tuesday, June 5, 2018

สรุป งาน Apple WWDC18 มีอะไรใหม่บ้าง

     งาน WWDC 2018 ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-8 มิถุนายน 2018 ณ หอประชุม McEnery เมืองซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นสถานที่จัดงานเหมือนในปีที่ผ่านมา
การจัดงานครั้งนี้ เน้นไปที่การเปิดตัวระบบปฏิบัติการใน 4 โปรดักต์ ได้แก่ iOS, watchOS, tvOS และ macOS



iOS 12 
     ลิสต์อุปกรณ์ที่รองรับระบบปฏิบัติการใหม่ทั้งหมด 
  • iPhone X, iPhone 8, iPhone 8 Plus, iPhone 7, iPhone 7 Plus, iPhone 6s, iPhone 6s Plus, iPhone 6, iPhone 6 Plus, iPhone SE, iPhone 5s
  • iPad 12.9-inch, iPad Pro 2nd generation 12.9-inch, iPad Pro 1st generation 10.5-inch, iPad Pro 9.7-inch, iPad Pro, iPad 6th generation, iPad 5th generation, iPad Air 2, iPad Air, iPad mini 4, iPad mini 3, iPad mini 2,​ iPod, iPod touch 6th gen






     ฟีเจอร์เด่นของระบบปฏิบัติการ iOS 12
  • ความเร็วในการเปิดแอปฯ เพิ่มขึ้น 40%, ความเร็วในการปรากฏของคีย์บอร์ดเพิ่มขึ้น 50%, ความเร็วในการเลื่อน (swipe) ไปใช้กล้องถ่ายรูปเพิ่มขึ้น 70%
  • AR Apps: แอปพลิเคชันที่ทำงานผ่านเทคโนโลยี AR รวมถึงเกม Lego ที่จะเปิดให้เล่นในช่วงปลายปีนี้
  • Measure: แอปพลิเคชันใหม่ที่ใช้วัดความกว้าง ความยาว ความสูง หรือเส้นทแยงมุมของวัตถุต่างๆ ที่ปรากฏในเลนส์กล้อง
  • Photo: ฟีเจอร์แนะนำแท็กคนในภาพเพื่อแชร์ภาพนั้นๆ ต่อ
  • Siri: มีการเรียกใช้งานมากกว่า 10,000 ครั้งต่อเดือน และมีการเชื่อมต่อไปยังพาร์ตเนอร์ผู้ให้บริการอื่นๆ เช่น ไรด์แชริ่ง เป็นต้น โดยปีนี้ฟีเจอร์ที่จะเพิ่มขึ้นมาใหม่คือ ‘Shortcut’ เพื่อช่วยให้เข้าถึงและช่วยเหลือผู้ใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม หรือการแนะนำ (Suggestion) ช่วยเตือนให้ผู้ใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน
  • Apple News: หลัง Google เปิดตัวแพลตฟอร์มอ่านข่าวที่คัดเลือกข่าวเด่นโดยปัญญาประดิษฐ์เป็นของตัวเอง Apple ก็ไม่รอช้า เผยโฉมใหม่ของ Apple News ที่จะช่วยให้คนอ่านข่าวได้หลากหลายขึ้นออกมาเช่นกัน และยังนำหมวดข่าวธุรกิจเข้าไปรวมในการดูหุ้นด้วย (Stocks)
  • iPad: มีฟีเจอร์อัดเสียงแล้ว
  • Apple Carplay: จะรองรับการทำงานร่วมกับระบบนำทางของผู้พัฒนาค่ายอื่นๆ
  • Do not Disturb:
    • Notifications: การแจ้งเตือนที่ปรากฏบนหน้าจอจะถูกจัดหมวดให้อยู่ในกลุ่มต่างๆ เพื่อความง่ายในการเปิดดู
    • Screen Time: แอปพลิเคชันที่จะช่วยสรุปข้อมูลการใช้สมาร์ทโฟนในแต่ละวัน แสดงข้อมูลเชิงลึกว่าแต่ละวันคุณใช้สมาร์ทโฟนนานแค่ไหน เสียเวลาไปกับอะไรมากสุด เพื่อช่วยในการควบคุมการใช้งานสมาร์ทโฟน
    • App Limits: กำหนดเวลาการใช้งานสมาร์ทโฟนหรือแอปพลิเคชันในแต่ละวัน เพื่อแจ้งเตือนว่าคุณกำลังใช้งานมากเกินพอดี
  • Message: เพิ่มความสามารถของ Animoji ให้ตรวจจับลิ้นได้ (Tongue Detection) และเพิ่มหน้าผี, หมีโคอาลา, เสือ และไดโนเสาร์ทีเร็กซ์ รวมถึงยังมี Memoji ที่เพิ่มขึ้นมาเพื่อสร้างอีโมจิส่วนตัวของผู้ใช้แต่ละคนให้มีความหลากหลายและมีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง
  • Facetime: เพิ่มความสามารถการคุยแบบหลายคน หรือ Group Facetime โดยสามารถคุยแชตแบบวิดีโอพร้อมกันได้สูงสุดถึง 32 คน! และยังทำงานร่วมกับ Animoji ได้ด้วย



watchOS 5



     ฟีเจอร์เด่นของระบบปฏิบัติการ watchOS 5
  • Activity: ช่วยกระตุ้นและติดตามผลการออกกำลังกายของผู้ใช้ Apple Watch ช่วยตรวจจับการออกกำลังกายแบบอัตโนมัติ รวมถึงแยกกิจกรรมการออกกำลังกายที่หลากหลายมากขึ้น มีทั้งโยคะและการเดินทางไกล
  • Connecting: เพิ่มแอปฯ Wakie-Talkie เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารขนาดจิ๋ว แค่แตะก็สามารถพูดแล้วส่งต่อเป็นไฟล์เสียงได้
  • Siri: ไม่ต้องพูด Hey Siri เพื่อเรียกใช้งานอีกต่อไป แค่ยกแขนข้างที่ใส่นาฬิกาขึ้นมาก็เริ่มพูดคุยกับมันได้ทันที
  • Web: อ่านหน้าเว็บไซต์บนหน้าปัดนาฬิกาได้แล้ว
  • Podcast: ฟังพอดแคสต์รายการต่างๆ บน Apple Watch ได้แล้ว
  • Pride Band: สายนาฬิกาสีรุ้งเพื่อเฉลิมฉลองเดือน Pride Month (มิถุนายน)


tvOS 12


     ฟีเจอร์เด่นของระบบปฏิบัติการ tvOS
  • Dolby Atmos: นำระบบเสียง Dolby Atmos เข้ามาทำงานร่วมเพื่อสร้างประสบการณ์เสียงที่ต่างออกไปแบบ 3 มิติ
  • More Channels: เพิ่มช่องข่าวและช่องกีฬามากกว่า 100 ช่องให้ดูกันจนตาแฉะ (พื้นที่ให้บริการในแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกันในการให้บริการช่องสถานี)
  • Remote: เพิ่มรีโมตทีวีลงไปในหน้า Control Center ของอุปกรณ์ Apple



macOS Mojave
     ระบบปฏิบัติการบนเครื่อง Mac รุ่นใหม่นี้จะใช้ชื่อว่า ‘โมฮาเว’ (Mojave) โดยความเปลี่ยนแปลงที่ได้เห็นได้ชัดๆ คือการเพิ่ม Dark Mode เพื่อเปลี่ยนธีมสีในเครื่อง Mac ให้เป็นโทนเข้มขึ้น รวมถึงการอัปเดตเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการป้องกันความปลอดภัยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้





     ฟีเจอร์เด่นของระบบปฏิบัติการ macOS Mojave

  • Dark Mode: เปลี่ยนโทนสีในเครื่อง Mac ให้เป็นสีโทนเข้มกว่าเดิม เน้นความขรึม
  • Desktop: Desktop Stack ใช้จัดเรียงไฟล์ต่างๆ บนหน้าจอเดสก์ท็อปแบบอัตโนมัติตามประเภทของไฟล์หรือไอคอนต่างๆ ให้ไปอยู่อย่างเป็นระเบียบในแถบด้านขวาของหน้าจอ
    • เพิ่มการดูภาพแบบ Gallery View ไล่เรียงตามภาพเพื่อความสะดวกของผู้ใช้
  • Screenshot: ใช้เพื่อตกแต่งภาพได้ง่ายขึ้น และยังใช้เพื่ออัดหน้าจอแบบวิดีโอได้แล้ว
  • Apps: อ่านข่าวบน Apple News ที่ถูกคัดกรองโดยคณะบรรณาธิการของ Apple ได้ด้วย เช่นเดียวกับการดูข่าวธุรกิจในหน้าหุ้นเหมือน iOS 12, เพิ่มฟีเจอร์การอัดเสียง และ Homes ฟีเจอร์ควบคุมอุปกรณ์ในบ้าน
  • Security: จำกัดการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ รวมถึงการใช้งานไมโครโฟนและกล้องเพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว โดยบนหน้าเบราว์เซอร์ Safari จะบล็อกไม่ให้แบนเนอร์โฆษณาหรือโซเชียลมีเดียติดตามข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้
  • Mac App Store: ให้ความสำคัญกับสโตร์ของ Mac มากขึ้นในปีนี้ รวมถึงการออกแบบหน้าอินเทอร์เฟซแบบใหม่ ส่วน Microsoft ก็จะนำซอฟต์แวร์ Office 365 มาวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มด้วย

ที่มา: งาน WWDC 2018 มีอะไรใหม่บ้าง | The Standard

วิเคราะห์ข่าว: การเปิดตัวของแอปเปิลในงานนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นระบบปฏิบัติการต่างๆของอุปกรณ์แอปเปิล คาดว่าแอปเปิลจะเปิดตัวอุปกรณ์ด้านฮาร์ดแวร์ เช่น iPhone, Apple Watch ฯลฯ ในงาน Special Event ช่วงเดือนกันยายนนี้ 

Visual Studio Code ออกส่วนขยาย GitHub Pull Requests

     นี่คงเป็นเรื่องดีๆ ที่จับต้องได้ชัดเจน หลัง ไมโครซอฟท์ซื้อ GitHub ล่าสุดทีม Visual Studio Code ประกาศออกส่วนขยาย GitHub Pull Requests ...