การจัดงานครั้งนี้ เน้นไปที่การเปิดตัวระบบปฏิบัติการใน 4 โปรดักต์ ได้แก่ iOS, watchOS, tvOS และ macOS
ลิสต์อุปกรณ์ที่รองรับระบบปฏิบัติการใหม่ทั้งหมด
- iPhone X, iPhone 8, iPhone 8 Plus, iPhone 7, iPhone 7 Plus, iPhone 6s, iPhone 6s Plus, iPhone 6, iPhone 6 Plus, iPhone SE, iPhone 5s
- iPad 12.9-inch, iPad Pro 2nd generation 12.9-inch, iPad Pro 1st generation 10.5-inch, iPad Pro 9.7-inch, iPad Pro, iPad 6th generation, iPad 5th generation, iPad Air 2, iPad Air, iPad mini 4, iPad mini 3, iPad mini 2, iPod, iPod touch 6th gen
ฟีเจอร์เด่นของระบบปฏิบัติการ iOS 12
- ความเร็วในการเปิดแอปฯ เพิ่มขึ้น 40%, ความเร็วในการปรากฏของคีย์บอร์ดเพิ่มขึ้น 50%, ความเร็วในการเลื่อน (swipe) ไปใช้กล้องถ่ายรูปเพิ่มขึ้น 70%
- AR Apps: แอปพลิเคชันที่ทำงานผ่านเทคโนโลยี AR รวมถึงเกม Lego ที่จะเปิดให้เล่นในช่วงปลายปีนี้
- Measure: แอปพลิเคชันใหม่ที่ใช้วัดความกว้าง ความยาว ความสูง หรือเส้นทแยงมุมของวัตถุต่างๆ ที่ปรากฏในเลนส์กล้อง
- Photo: ฟีเจอร์แนะนำแท็กคนในภาพเพื่อแชร์ภาพนั้นๆ ต่อ
- Siri: มีการเรียกใช้งานมากกว่า 10,000 ครั้งต่อเดือน และมีการเชื่อมต่อไปยังพาร์ตเนอร์ผู้ให้บริการอื่นๆ เช่น ไรด์แชริ่ง เป็นต้น โดยปีนี้ฟีเจอร์ที่จะเพิ่มขึ้นมาใหม่คือ ‘Shortcut’ เพื่อช่วยให้เข้าถึงและช่วยเหลือผู้ใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม หรือการแนะนำ (Suggestion) ช่วยเตือนให้ผู้ใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน
- Apple News: หลัง Google เปิดตัวแพลตฟอร์มอ่านข่าวที่คัดเลือกข่าวเด่นโดยปัญญาประดิษฐ์เป็นของตัวเอง Apple ก็ไม่รอช้า เผยโฉมใหม่ของ Apple News ที่จะช่วยให้คนอ่านข่าวได้หลากหลายขึ้นออกมาเช่นกัน และยังนำหมวดข่าวธุรกิจเข้าไปรวมในการดูหุ้นด้วย (Stocks)
- iPad: มีฟีเจอร์อัดเสียงแล้ว
- Apple Carplay: จะรองรับการทำงานร่วมกับระบบนำทางของผู้พัฒนาค่ายอื่นๆ
- Do not Disturb:
- Notifications: การแจ้งเตือนที่ปรากฏบนหน้าจอจะถูกจัดหมวดให้อยู่ในกลุ่มต่างๆ เพื่อความง่ายในการเปิดดู
- Screen Time: แอปพลิเคชันที่จะช่วยสรุปข้อมูลการใช้สมาร์ทโฟนในแต่ละวัน แสดงข้อมูลเชิงลึกว่าแต่ละวันคุณใช้สมาร์ทโฟนนานแค่ไหน เสียเวลาไปกับอะไรมากสุด เพื่อช่วยในการควบคุมการใช้งานสมาร์ทโฟน
- App Limits: กำหนดเวลาการใช้งานสมาร์ทโฟนหรือแอปพลิเคชันในแต่ละวัน เพื่อแจ้งเตือนว่าคุณกำลังใช้งานมากเกินพอดี
- Message: เพิ่มความสามารถของ Animoji ให้ตรวจจับลิ้นได้ (Tongue Detection) และเพิ่มหน้าผี, หมีโคอาลา, เสือ และไดโนเสาร์ทีเร็กซ์ รวมถึงยังมี Memoji ที่เพิ่มขึ้นมาเพื่อสร้างอีโมจิส่วนตัวของผู้ใช้แต่ละคนให้มีความหลากหลายและมีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง
- Facetime: เพิ่มความสามารถการคุยแบบหลายคน หรือ Group Facetime โดยสามารถคุยแชตแบบวิดีโอพร้อมกันได้สูงสุดถึง 32 คน! และยังทำงานร่วมกับ Animoji ได้ด้วย
watchOS 5
ฟีเจอร์เด่นของระบบปฏิบัติการ watchOS 5
- Activity: ช่วยกระตุ้นและติดตามผลการออกกำลังกายของผู้ใช้ Apple Watch ช่วยตรวจจับการออกกำลังกายแบบอัตโนมัติ รวมถึงแยกกิจกรรมการออกกำลังกายที่หลากหลายมากขึ้น มีทั้งโยคะและการเดินทางไกล
- Connecting: เพิ่มแอปฯ Wakie-Talkie เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารขนาดจิ๋ว แค่แตะก็สามารถพูดแล้วส่งต่อเป็นไฟล์เสียงได้
- Siri: ไม่ต้องพูด Hey Siri เพื่อเรียกใช้งานอีกต่อไป แค่ยกแขนข้างที่ใส่นาฬิกาขึ้นมาก็เริ่มพูดคุยกับมันได้ทันที
- Web: อ่านหน้าเว็บไซต์บนหน้าปัดนาฬิกาได้แล้ว
- Podcast: ฟังพอดแคสต์รายการต่างๆ บน Apple Watch ได้แล้ว
- Pride Band: สายนาฬิกาสีรุ้งเพื่อเฉลิมฉลองเดือน Pride Month (มิถุนายน)
tvOS 12
ฟีเจอร์เด่นของระบบปฏิบัติการ tvOS
- Dolby Atmos: นำระบบเสียง Dolby Atmos เข้ามาทำงานร่วมเพื่อสร้างประสบการณ์เสียงที่ต่างออกไปแบบ 3 มิติ
- More Channels: เพิ่มช่องข่าวและช่องกีฬามากกว่า 100 ช่องให้ดูกันจนตาแฉะ (พื้นที่ให้บริการในแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกันในการให้บริการช่องสถานี)
- Remote: เพิ่มรีโมตทีวีลงไปในหน้า Control Center ของอุปกรณ์ Apple
ระบบปฏิบัติการบนเครื่อง Mac รุ่นใหม่นี้จะใช้ชื่อว่า ‘โมฮาเว’ (Mojave) โดยความเปลี่ยนแปลงที่ได้เห็นได้ชัดๆ คือการเพิ่ม Dark Mode เพื่อเปลี่ยนธีมสีในเครื่อง Mac ให้เป็นโทนเข้มขึ้น รวมถึงการอัปเดตเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการป้องกันความปลอดภัยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้
ฟีเจอร์เด่นของระบบปฏิบัติการ macOS Mojave
- Dark Mode: เปลี่ยนโทนสีในเครื่อง Mac ให้เป็นสีโทนเข้มกว่าเดิม เน้นความขรึม
- Desktop: Desktop Stack ใช้จัดเรียงไฟล์ต่างๆ บนหน้าจอเดสก์ท็อปแบบอัตโนมัติตามประเภทของไฟล์หรือไอคอนต่างๆ ให้ไปอยู่อย่างเป็นระเบียบในแถบด้านขวาของหน้าจอ
- เพิ่มการดูภาพแบบ Gallery View ไล่เรียงตามภาพเพื่อความสะดวกของผู้ใช้
- Screenshot: ใช้เพื่อตกแต่งภาพได้ง่ายขึ้น และยังใช้เพื่ออัดหน้าจอแบบวิดีโอได้แล้ว
- Apps: อ่านข่าวบน Apple News ที่ถูกคัดกรองโดยคณะบรรณาธิการของ Apple ได้ด้วย เช่นเดียวกับการดูข่าวธุรกิจในหน้าหุ้นเหมือน iOS 12, เพิ่มฟีเจอร์การอัดเสียง และ Homes ฟีเจอร์ควบคุมอุปกรณ์ในบ้าน
- Security: จำกัดการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ รวมถึงการใช้งานไมโครโฟนและกล้องเพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว โดยบนหน้าเบราว์เซอร์ Safari จะบล็อกไม่ให้แบนเนอร์โฆษณาหรือโซเชียลมีเดียติดตามข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้
- Mac App Store: ให้ความสำคัญกับสโตร์ของ Mac มากขึ้นในปีนี้ รวมถึงการออกแบบหน้าอินเทอร์เฟซแบบใหม่ ส่วน Microsoft ก็จะนำซอฟต์แวร์ Office 365 มาวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มด้วย
ที่มา: งาน WWDC 2018 มีอะไรใหม่บ้าง | The Standard
วิเคราะห์ข่าว: การเปิดตัวของแอปเปิลในงานนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นระบบปฏิบัติการต่างๆของอุปกรณ์แอปเปิล คาดว่าแอปเปิลจะเปิดตัวอุปกรณ์ด้านฮาร์ดแวร์ เช่น iPhone, Apple Watch ฯลฯ ในงาน Special Event ช่วงเดือนกันยายนนี้
วิเคราะห์ข่าว: การเปิดตัวของแอปเปิลในงานนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นระบบปฏิบัติการต่างๆของอุปกรณ์แอปเปิล คาดว่าแอปเปิลจะเปิดตัวอุปกรณ์ด้านฮาร์ดแวร์ เช่น iPhone, Apple Watch ฯลฯ ในงาน Special Event ช่วงเดือนกันยายนนี้
No comments:
Post a Comment