กูเกิลประกาศเปิดตัว Android P เวอร์ชัน 9.0 อย่างเป็นทางการแล้วเมื่อคืนนี้ โดยใช้ชื่อรุ่นแบบเรียบง่ายว่า Pie
โดยผู้ใช้สมาร์ทโฟน Pixel จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้อัพเดต Android 9.0 Pie ส่วนกลุ่มอื่นจะทยอยได้อัพเดตไปตลอดช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ภายในประมาณ 3 เดือนข้างหน้า)
กูเกิลให้คำนิยาม Android 9.0 Pie ว่าเป็นระบบปฏิบัติการที่ใส่ Machine Learning มาเป็นหัวใจสำคัญ ทำให้มันฉลาดขึ้น เร็วขึ้น และมีการปรับแต่งให้เข้ากับผู้ใช้งานดีขึ้นเรื่อย ๆ
ฟีเจอร์ใหม่ของ Android Pie ถูกแบ่งออกเป็น 3 หมวดคือ Intelligence, Simplicity และ Digital Wellbeing มีรายละเอียดดังนี้
Intelligence: ความฉลาดที่มากขึ้นด้วย AI
กูเกิลมีบริษัทลูกสุดเทพอย่าง DeepMind ผู้สร้าง AlphaGo เพื่อไม่ให้เสียของก็นำ AI ของ DeepMind มาใช้งานให้ Android ทำงานได้ดีขึ้น
เริ่มจาก Adaptive Battery ช่วยวิเคราะห์การทำงานของแอพที่ผู้ใช้แต่ละคนใช้งาน และจัดกลุ่มแอพแต่ละตัวตามพฤติกรรมการใช้งาน (เช่น แอพกลุ่ม Active ใช้บ่อยหรือ Rare ที่นานๆ ใช้ที) ช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้สูงสุด 30% จากเดิม ฟีเจอร์ลักษณะเดียวกันถูกนำมาใช้กับความสว่างของหน้าจอ Adaptive Brightness ด้วย เพื่อลดปัญหาจอสว่างเกินไปหรือมืดเกินไปในบางสถานการณ์
ฟีเจอร์ต่อมาคือ App Actions ที่ตัว launcher จะคาดเดาว่าเราจะทำอะไรต่อไป และนำมาเสนอให้เราเห็นเลย
Slices แนวคิดใหม่ของแอพที่ไม่ต้องถูกเรียกใช้งานทั้งตัว แต่หยิบมาใช้เพียงบางส่วน และใช้ร่วมกับ Google Assistant ได้ดี
Simplicity: ปรับหน้าตาของ Android ใหม่ให้เรียบง่ายขึ้น
ฟีเจอร์ในหมวดนี้คือเรื่องของ UI/UX ใน Android Pie ที่เปลี่ยนไปจากเดิมหลายจุด การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ Navigation ระบบการนำทางของ OS แบบใหม่ที่เน้นการใช้ gesture แทนการกดปุ่ม ทำให้เหลือปุ่ม Home ปุ่มเดียวบนหน้าจอ (และปุ่ม Back ในบางกรณี)
การเปลี่ยนแปลง UI ยังมีอีกหลายจุดย่อยๆ เช่น เพิ่มปุ่ม Rotate หมุนหน้าจอเมื่อเอียงเครื่อง, ปรับหน้าตาของปุ่มปรับระดับเสียง, เพิ่มฟีเจอร์ให้กับการจับภาพหน้าจอ เป็นต้น
Digital Wellbeing: เน้นคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดอาการติดสมาร์ทโฟน
Digital Wellbeing เป็นธีมที่น่าสนใจและกูเกิลเน้นมากในปีนี้ ฟีเจอร์ในชุดนี้ได้แก่
- Dashboard โชว์ระยะเวลาที่เราใช้งานสมาร์ทโฟน แยกเป็นรายแอพ รวมถึงสถิติข้อความเตือนที่ได้รับในแต่ละวัน
- App Timer กำหนดระยะเวลาในการใช้แอพแต่ละตัวได้ เหมาะสำหรับการใช้งานของเด็กๆ
- Do Not Disturb โหมดไร้การรบกวนใดๆ ปิดการแจ้งเตือนทั้งหมด รวมถึงไม่แสดงขึ้นมาเตือนบนหน้าจอด้วย แต่ก็ยัง อนุญาตให้คนสำคัญโทรมาได้เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน
- Wind Down โหมดก่อนนอน จะลดสีของหน้าจอลงเหลือเป็นขาวดำ และเปิดการทำงานของ Night Light กับ Do Not Disturb เมื่อถึงเวลาเข้านอน เพื่อให้รู้ตัวว่าได้เวลานอนแล้ว
ภาพจาก Google Blog
วิเคราะห์ข่าว: การเปิดตัวเวอร์ชั้น Android Pie นี้ เน้นไปที่การนำ AI มาใช้ประโยชน์ มี UI หน้าใช้ ทันสมัย และมีสิ่งที่ช่วยลดการเล่นโทรศัพท์